Stranger Than Fiction (US,2006)

รู้อยู่แล้วว่า เรื่องนี้จะรุนแรงกับใจ ก็แหมเรื่องของนักเขียนที่ต้อง Kill Your Darling ฆ่าตัวละครที่รักกับมือ ความประหลาดคราวนี้คือตัวละครคนนั้นกลับมีชีวิตเป็นคนจริงๆ ชื่อ แฮโรลด์ คริก ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร

อะไรบ้างที่เราตกหลุมรักในหนังเรื่องนี้ หูย จะเขียนหมดเหรอ นักแสดงไหม วิล เฟอเรล เอมมา ธอมสัน ดัสติน ฮอฟแมน คงไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง

หรือคือธีมที่พูดถึง Existential Crisis ซึ่งพูดถึงว่าวันนึงหลังจากที่เราใช้ชีวิตเหมือนเดิมอันสุดแสนน่าเบื่อ แล้วเราก็โว้คขึ้นมาว่า เฮ้ย ถ้าวันหนึ่งเราจะตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบรูทีนลี่นี้อยู่ไหม Memento Mori ไหมมรึง นี่คือธีมสุดคลั่งส่วนตัวไม่ใช่เหรอ

หรือมันคือพล็อตเก๋ไก๋ ที่นักเขียนจะเป็นยังไงนะ ถ้าเขาได้เจอ พูดคุยกับตัวละครซึ่งเธอหลงรักตลอดช่วงเวลาที่เริ่มต้นเขียนถึงเขาจนจบเล่มหน้าสุดท้าย มันคือความรักแบบแม่ผู้ทำคลอดลูกออกมากับมือ และทุกสิ่งของชะตาชีวิตของเขา เรารู้ว่าเขาต้องตายในตอนจบ ถ้าไม่เป็นแบบนี้ มันจะเป็นนิยายที่ไม่สมเหตุสมผลเลย แต่มันต้องเจ็บปวดแค่ไหนกัน ที่ต้องฆ่าลูกรักกับมือ

หรือเราชอบกับคำถามใหญ่ๆ ของหนังที่ว่า จะเป็นยังไงถ้าเราคือคนที่เขียนนิยายชีวิตเรื่องของเราเอง จะเป็นยังไงถ้านิยายเรื่องนี้เป็น Character Driven Story คือเรื่องเล่าประเภทที่ตัวละครเป็นคนผลักให้เกิดเรื่อง ไม่ใช่แบบมีมือที่สามมากำหนดชะตา นักเขียนหรือพระผู้สร้างก็ไม่สามารถไปกำหนดชะตากรรมให้เราได้ เราคือผู้เขียนเรื่องเล่าของชีวิตของเราเอง เราจะเขียนให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร

เขียนถึงตอนนี้ น้ำตาเริ่มไหลแล้ว หัวใจเต้นแรงเว่อ มันผลักน้ำตาเหรอ เราเสียใจไหมที่ ถ้าเราเขียนนิยายชีวิตของเราได้ แต่เรากลับเขียนให้มันเป็นแบบซึ่งมันเป็นทุกวันนี้ แน่ล่ะถึงแม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำตามความฝันของเรา เรายังทำมันได้อยู่นะ และเรารู้ว่าถ้าตราบใดเรายังมีความรัก รักที่แท้จริง นิยายชีวิตของเราจะโอเคเสมอ ความรักชนะทุกสิ่งจริงๆ

ชอบชีวิตของโพรเฟสเซอร์สอนวรรณกรรมในหนังที่เล่นโดย ดัสติน ฮอฟแมน มากๆๆๆๆๆ อยากใส่ไม้ยมกอีกไม่ยั้ง เพราะมหาศาลจริงๆ ทุกครั้งที่มีฉากห้องทำงานของอาจารย์คนนี้ เราก็อดส่องชั้นหนังสือแน่นๆ ของอาจารย์ไม่ได้ อย่างว่าคนมันเนิร์ดพันธุ์เดียวกันอ่ะนะ โอ๊ย รักหนังสือฉิบหาย รักเรื่องเล่าฉิบหาย

สุดท้ายคงไม่พ้นบทของคุณนักเขียน เอมมา ธอมสัน มันคือภาพสะท้อนของหัวใจผ่านสายตาของเราไปที่จอทีวีสินะ เอมมา ธอมสันคือเราสินะ เราคือต้องเขียนแล้วสินะ โจ้ มึงต้องได้ยิน Calling ดังๆ อีกแค่ไหน ต้องโดนอิฐปาหัวจริงๆ เหรอ ถึงจะเปิดคอมและลงมือเขียนนิยายที่เขารอนายอยู่ นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าตัวละครนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ ที่เขาต้องพึ่งพานายในการเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ Shut Up and Write ได้แล้ว

บางที ที่เพลงตอนจบ The Book I Write ของ Spoon มันหาฟังใน Spotify ไม่ได้ อาจจะเพราะเพลงนี้ไม่ได้มีอยู่จริง จนกว่านายจะเขียนหนังสือเล่มนั้นของนายขึ้นมาก่อนก็ได้

Leave a comment

Blog at WordPress.com.

Up ↑